เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณผ่านพระราชกรณียกิจมากมายกว่า กว่า 3,000 โครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ รัชกาลที่ 9 แต่นอกจากพระราชกรณียกิจหลักๆ อย่างโครงการฝนหลวง กังหันน้ำชัยพัฒนา และทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ยังมีพระราชกรณียกิจอีกมากมายที่ชาวไทยอาจไม่คุ้นเคย ในวันนี้เราขอเชิญผู้อ่านมาร่วมถวายความอาลัยและน้อมนำแนวพระราชดำริไปปฏิบัติ เป็นลูกที่ดีก้าวตามรอยของพ่อต่อไป
1. พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างโรงพยาบาลปอดเหล็ก

ในหลวงทรงเสด็จขึ้นครองราชย์หลังสงครามโลกครั้งที่ ยุติลงเพียง 1 ปี ดังนั้น ในช่วงต้นรัชกาล ประเทศกำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤติทั้งภาวะเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง การกักตุนสินค้า การชดเชยค่าปฏิกรณ์สงคราม และโรคระบาด อย่าง วัณโรค โรคเรื้อน โรคโปลิโอ และอหิวาตกโรค อีกทั้งกิจการทางการแพทย์ของไทยยังไม่มีความเจริญก้าวหน้ามากเท่าที่ควร ขาดแคลนทั้งเวชภัณฑ์และยารักษาโรค พระองค์จึงมุ่งเน้นปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านสาธารณสุขก่อน เพราะหากประชาชนสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงก็ไม่มีกำลังและสติปัญญาไปฟื้นฟูประเทศ

โดยในหลวงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนมากหรือประมาณ 500,000 บาท ซึ่งในสมัยก่อนถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก เพื่อ สร้างโรงพยาบาลปอดเหล็ก และจัดซื้อเวชภัณฑ์เพื่อสู้กับวัณโรคที่กำลังระบาดหนัก พร้อมกับสนับสนุนให้สภากาชาดไทยผลิตวัคซีน BCG ป้องกันวัณโรค จนกระทั่งปราบวัณโรคได้สำเร็จ
2. ทรงเป่าแซ็กโซโฟนตามคำขอทางวิทยุ หาทุนปราบอหิวาตกโรค

สืบเนื่องจากการระบาดอย่างรุนแรงของโรคร้ายต่างๆในช่วงหลังสงครามโลกดังกล่าว ทำให้คนไทยถูกรุมเร้าด้วย โรคเรื้อน และอหิวาตกโรคที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก พระองค์จึงทรงก่อตั้ง กองทุนปราบอหิวาตกโรค โดยให้การสนับสนุนสภากาชาดไทยซื้ออุปกรณ์เพื่อผลิตวัคซีน เครื่องมือวิจัยโรค และทรงหาทุนโดยเสด็จพระราชกุศลด้วยการ เป่าแซ็กโซโฟนตามคำขอ มีพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนโทรศัพท์มาขอเพลงผ่านวิทยุ อส. เพื่อนำรายได้ทั้งหมดไปบริจาคเข้ากองทุนปราบอหิวาตกโรค
3. ฉายภาพยนตร์ส่วนพระองค์เพื่อหาทุนไปบำรุงด้านสาธารณสุข

นอกจากพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพแล้ว ในหลวงของเรายังมีความสนพระทัยในการสร้างภาพยนตร์ จนเป็นที่รู้จักกันในนาม ภาพยนตร์ส่วนพระองค์ ซึ่งเคยพระราชทานจัดฉายเพื่อหารายได้ช่วยเหลือทางการแพทย์ เช่น สร้างตึกอานันทมหิดลที่โรงพยาบาลศิริราช สร้างตึกวิจัยประสาทที่โรงพยาบาลประสาทพญาไท และพระราชทานทุนวิจัยโรคประสาทให้กว้างขวางมากขึ้น สร้างตึกวชิราลงกรณ์ สภากาชาดไทย อาคารทางการแพทย์ของโรงพยาบาลภูมิพล เป็นต้น
4. ทฤษฎีน้ำดีไล่น้ำเสียและเลี้ยงปลาบำบัดน้ำเสีย

พระองค์ใช้หลักการทางธรรมชาติแห่งแรงโน้มถ่วงของโลก โดยการใช้น้ำคุณภาพดีมาช่วยขับไล่น้ำเสียออกไป อย่างเช่นการรับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาส่งเข้าไปตามคลองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คลองบางเขน คลองบางซื่อ คลองแสนแสบ คลองเทเวศร์ และคลองบางลำภู เป็นต้น โดยกระแสน้ำจะไหลไปตามคลองเล็กคลองน้อยที่เชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้าน ดังนั้นเมื่อทำการปล่อยน้ำให้ไหลเวียนจากปากคลองไปปลายคลองได้อย่างเหมาะสม ย่อมจะช่วยเจือจางน้ำเน่าเสียได้มากโดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง
นอกจากทฤษฎีน้ำดีไล่น้ำเสียแล้วทรงมีพระราชดำริให้ทดลองศึกษาวิจัยดูว่า มีปลาบางชนิดสามารถกำจัดน้ำเสียได้หรือไม่ เพราะปลางเหล่านี้น่าจะเข้าไปกินสารอินทรีย์ในแหล่งน้ำเสีย ซึ่งปรากฏว่ามีปลาบางชนิดที่มีอวัยวะพิเศษในการหายใจ มีคุณสมบัติเหมาะแก่การเลี้ยงในน้ำเสีย เช่น ปลากระดี่ ปลาสลิดที่ชอบกินสารอินทรีย์จึงช่วยลดมลภาวะทางน้ำ ต้นทุนต่ำ แถมยังเพิ่มผลผลิตทางสัตว์น้ำได้อีกทางด้วย
5. พระราชทานพันธุ์ปลานิล

พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลพระองค์แรกในประเทศไทย โดยโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา มีบ่อเพาะเลี้ยงปลานิล และมีพันธุ์ปลาพระราชทาน มีบ่อเพาะพันธุ์จำนวน 6 บ่อ สามารถผลิตลูกปลานิลพระราชทานในปี พ.ศ.2538 จำนวน 42,485 ตัว (สำนักพระราชวัง, 2539:25) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศได้พระราชทานพันธุ์ปลาไปทั่วประเทศ บ่อยครั้งที่ทรงปล่อยปลาลงตามแหล่งน้ำต่าง ๆ ด้วยพระองค์เองเพื่อให้มีทรัพยากรสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการผสมเทียมสายพันธุ์ปลาหายากอย่างเช่นปลาบึก จนสามารถผสมเทียมปลาชนิดนี้ได้สำเร็จ
6. พระราชดำริการศึกษาเรื่องหญ้าแฝกคลุมดิน

จากการดำเนินงานตามพระราชดำริในการศึกษาให้ทราบพันธุ์และการปลูกหญ้าแฝกโดยวิธีที่เหมาะสม เพื่อเผยแพร่ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดิน เพราะด้วยระบบของหญ้าแฝกที่ฝังลึกลงไปในดินตรงๆ และแผ่กระจายเหมือนกำแพงจึงสามารถช่วยชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลผ่านหน้าดิน เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นของดินไว้ป้องกันการพังทลายของหน้าดิน จึงมีการนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการอนุรักษ์หน้าดิน เช่น การปลูกตามพื้นที่ลาดชันหรือบริเวณเขื่อนเพื่อป้องกันการกัดเซาะของหน้าดิน ป้องกันสารพิษลงแหล่งน้ำ เป็นต้น จากพระราชกรณียกิจในครั้งนี้ ทำให้สมาคมควบคุมการกัดเซาะผิวดินนานาชาติ(International Erosion Control Association: IECA) มีมติถวายรางวัล The International Erosion Control Association’s International Merit Award แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นแบบอย่างในการนำหญ้าแฝกมาใช้ อนุรักษ์ดินและน้ำ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2536
7. ทรงดำเนินการจัดทำสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนและกองทุนนวฤกษ์

นอกจากทุนการศึกษาต่างๆ อย่างทุนอานันทมหิดลที่พระองค์ทรงสนับสนุนให้บุคคลไปศึกษาต่อยังต่างประเทศโดยไร้ข้อผูกมัดแล้ว ยังมีพระราชกรณียกิจด้านการศึกษาอีกนานัปการ ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการจัดทำสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนขึ้น ซึ่งสารานุกรมที่จัดทำขึ้นชุดนี้ มีความแตกต่างจากสารานุกรมชุดอื่นๆ ที่เคยจัดพิมพ์มาแล้ว คือเป็นสารานุกรมอเนกประสงค์ที่บรรจุสาระเรื่องราวต่างๆ ไว้ครบทุกวิชาถึง 4 สาขา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ระดับให้ผู้สนใจตั้งแต่เยาวชนไปจนถึงผู้ใหญ่ได้ค้นหาความรู้ที่เหมาะกับตนเอง
ทรงก่อตั้งกองทุนนวฤกษ์ ในมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อช่วยให้นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ได้มีโอกาสเข้ารับการศึกษาในระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นทุนริเริ่มในการก่อสร้างโรงเรียนตามวัดในชนบท สำหรับที่จะสงเคราะห์เด็กยากจนและกำพร้า ให้ได้มีสถานที่สำหรับศึกษาเล่าเรียน โดยอาราธนาพระภิกษุเป็นครูสอนในวิชาสามัญต่าง ๆ ที่ไม่ได้ขัดต่อพระธรรมวินัย ตลอดจนช่วยอบรมศีลธรรมแก่เด็กนักเรียน ทั้งนี้ เป็นพระราชประสงค์ที่จะให้เด็กนักเรียน ได้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับการศึกษาควบคู่กันไป อันจะทำให้เยาวชนของชาติ นอกจากจะมีความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังจะทำให้มีจิตใจที่ดี ที่ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม เพื่อที่จะได้เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติต่อไป ในอนาคต (เว็บไซต์เครือข่ายกาญจนาภิเษก)
8. พระราชนิพนธ์บทเพลงทั้งหมด 48 บทเพลง

พระองค์ทรงเป็นอัครศิลปิน หากนับรวมบทเพลงพระราชนิพนธ์ตลอดรัชกาลของพระองค์จะทั้งสิ้น 48 เพลง ที่ล้วนแล้วแต่สร้างความเพลิดเพลิน ซาบซึ้ง และแฝงนัยยะความหมายบางอย่างเสมอเช่น บทเพลง พรปีใหม่ ที่มอบให้ชาวไทยทุกคนเป็นของขวัญวันปีใหม่ หรือเพลงชะตาชีวิต, ยิ้มสู้ ที่มอบพลังและเป็นกำลังใจผู้ที่ท้อแท้หมดหวังในชีวิตให้ก้าวเดินต่อไปอย่างมีความหวัง นอกจากนี้ทุกคอร์ดและตัวโน๊ตยังคงไพเราะก้องกังวานอยู่ในใจชาวไทยทุกคนไม่เสื่อมคลาย
9. พระราชกรณียกิจด้านสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เสด็จพระราชดำเนินกลับมา ประทับอยู่ในประเทศไทยเป็นการถาวร ในปี พ.ศ. 2495 พระองค์ได้ทรงตั้งสถานีวิทยุ อ.ส. ขึ้นที่พระราชวังสวนดุสิต และชื่อสถานีวิทยุดังกล่าวได้ทรงนำมาจากอักษรย่อของพระที่นั่งอัมพรสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ออกอากาศครั้งแรก ต่อมาจึงย้ายสถานีวิทยุ อ.ส. เข้าไปตั้งในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
คงไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในโลก ที่ทรงสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อพสกนิกรมากมายถึงเพียงนี้ บัดนี้แม้ว่าในหลวงของปวงชนจะเสด็จสวรรคตแล้ว แต่คำสอนและพระราชกรณียกิจของพระองค์ ยังคงประทับอยู่ในจิตใจชาวไทย ให้ดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เป็นลูกที่ดีของพ่อสืบไป

ขอบคุณข้อมูลจาก daily.rabbit
สำนักงาน กปร
เว็บไซต์สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี