ปลาสลิด (Snake Skin Gounrami) เป็นปลาน้ำจืดที่ไม่นิยมรับประทานสด แต่นิยมนำมาทำเค็มและตากแห้งสำหรับนำมาทอด ปิ้งย่าง และยำรับประทานเป็นหลัก นอกจากนั้น มีแหล่งเลี้ยงที่สำคัญในหลายจังหวัด เช่น สุพรรณบุรี สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา เป็นปลาที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับปลาหมอ ปลากด ปลากัด ปลาแรด และปลากระดี่
ลักษณะทั่วไปของปลาสลิด
ปลาสลิดมีลำตัวคล้ายปลากระดี่หม้อ แต่มีขนาดใหญ่กว่า ลำตัวมีลักษณะแบน มีส่วนหัว และหางเรียว และส่วนกลางลำตัวกว้าง ลำตัวมีสีเขียวอมเทา หรือมีสีคล้ำเป็นพื้น และมีสีเขียวเข้มทางด้ายซ้าย และมีแถบสีดำพาดขวางตามแนวยาวจากหัวถึงโคนหาง ข้างละ 1 แถบ และมีแถบสีน้ำตาลเข้มพาดเฉียงบริเวณลำตัว และมีเกล็ดเหนือเส้นข้างตัว 42-47 เกล็ด ส่วนปากขนาดเล็ก แต่ยืดหดได้ ส่วนครีบอกมีขนาดใหญ่ และยาว ส่วนหัวมีก้านครีบแข็ง 7 อัน และก้านครีบอ่อน 10-11 อัน ปลาสลิดซึ่งมีขนาดใหญ่เต็มที่จะมีความยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร แต่ทั่วไปจะพบขนาดความยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ปลาสลิดมีอวัยวะพิเศษที่ใช้ช่วยในการหายใจ เรียกว่า ลาบิริงค์ ออร์แกน (Labyrinth organ)มีลักษณะคล้ายดอกไม้บาน เป็นกลีบเรียงซ้อนกันอยู่เหนือเหงือก ทำให้สูดออกซิเจนจากอากาศได้โดยตรงจึงสามารถอยู่บนบกได้นาน
การแยกเพศ
ปลาสลิดเพศผู้จะมีลำตัวเรียวยาวมากกว่าปลาสลิดเพศเมีย มีแนวสันหลัง และสันท้องในแนวเกือบขนานกัน มีครีบยาวจรดหางหรือยาวมากกว่าโคนหาง ลำตัวมีสีเข้ม และมีสีสันสวยงามมากกว่าตัวเมีย
ส่วนปลาสลิดเพศเมียจะ มีลำตัวป้อมสั้น สันหลังไม่ขนานกัน เพราะมีสันท้องยาวกว่า มีครีบหลังมน และสั้นกว่าเพศผู้ และครีบไม่ยาวถึงโคนหางเหมือนเพศผู้ นอกจากนั้น ลำตัวจะมีสีจางกว่า และเมื่อถึงฤดูวางไข่ ส่วนท้องจะอูมเป่งใหญ่ขึ้นซึ่งเต็มไปด้วยไข่จำนวนมาก
แหล่งอาศัย และอาหาร
ปลาสลิด เป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนิ่ง เช่น สระน้ำ บ่อน้ำ บึง และนาข้าว ชอบหลบอาศัยตามบริเวณที่มีพรรณไม้น้ำขึ้นเพื่อเป็นที่พักอาศัย กําบังตัว และการก่อหวอดวางไข่
ส่วนอาหารของปลาสลิดที่สำคัญ ได้แก่ พืชน้ำ สาหร่าย ตะไคร่น้ำ ไรน้ำ แพลงค์ตอนพืช/แพลงตอนสัตว์ และสัตว์ขนาดเล็กต่างๆ
การสืบพันธ์ุ และวางไข่
ปลาสลิดสามารถเข้าสู่วัยผสมพันธุ์ และวางไข่ได้ตั้งแต่อายุประมาณ 7 เดือน ขนาดลำตัวยาวประมาณ 15-17 ซม. น้ำหนักประมาณ 150-400 กรัม ตัวเมียจะมีไข่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน และเริ่มเข้าสู่ช่วงวางไข่ตั้งแต่เดือนเมษายน-สิงหาคม โดยแม่ปลา 1 ตัว จะวางไข่ได้ประมาณ 3-4 ครั้ง/ปี แต่ละครั้งจะวางไข่ประมาณ 7,000-8,000 ฟอง แต่เจริญเป็นลูกปลาได้ประมาณ 4,000 ตัว
การวางไข่
ก่อนที่ปลาสลิดตัวเมียจะวางไข่ ปลาตัวผู้จะเลือกสถานที่ และเตรียมที่วางไข่ให้ ซึ่งมักจะเลือกบริเวณที่มีร่มใต้ต้นไม้ โดยการก่อหวอดด้วยการหุบอากาศเข้าผสมกับน้ำเมือกก่อนจะพ่นออกมาเป็นฟองอากาศที่มีลักษณะเป็นฟองน้ำลอยเกาะบริเวณต้นผัก ต้นหญ้าที่ไม่หนาทึบมาก ขนาดกว้างประมาณ 10-15 ซม. นูนจากผิวน้ำประมาณ 2 ซม. ซึ่งมักจะก่อหวอดในช่วงกลางวันจนถึงวันรุ่งขึ้นก็พร้อมผสมพันธุ์ เมื่อเตรียมหวอดเสร็จแล้ว ปลาสลิดตัวผู้จะไล่ต้อนตัวเมียเข้าไปอยู่ใต้หวอด และเข้าใช้หางแนบรัดท้องตัวเมียเพื่อปล่อยไข่ออกมา และตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสม ทำอย่างนี้ประมาณ 3 ครั้ง ใช้เวลาการวางไข่ประมาณ 2-3 นาที/ครั้ง จากนั้นปลาเพศผู้จะออไข่เข้าไปเกาะใต้หวอด พร้อมไล่ตัวเมียออกให้ห่างหวอด และคอยดูแลรังจนกว่าลูกปลาจะฟักออก และว่ายน้ำออกหากินเองได้แล้วค่อยออกใช้ชีวิตตามปกติ
การฟักไข่
ไข่ปลาสลิดที่ปล่อยออกมาจะมีลักษณะเป็นก้อนกลมขนาดเล็ก สีเหลือง ขนาด 0.9-2 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับขนาด ไข่จะฟักเป็นตัวประมาณ 24-48 ชั่วโมง ส่วนไข่ที่ไม่มีการผสมน้ำเชื้อจะมีลักษณะเป็นสีขาว ลูกปลาที่ฟักออกมาใหม่จะยังไม่กินอาหาร เพราะอาศัยอาหารจากถุงอาหารที่ท้อง และจะเริ่มกินอาหารเมื่อถุงอาหารหมดประมาณ 7 วัน หลังจากฟักออก ซึ่งจะสังเกตได้จากลูกปลาลอยขึ้นเหนือน้ำในช่วงเช้า
ลูกปลาสลิดตามธรรมชาติ หากพื้นที่อาศัยมีความอุดมสมบูรณ์ ลูกปลาจะเติบโตประมาณ 7-10 ซม. ในเวลา 3 เดือน และ 10-12 ซม. ในเวลา 6 เดือน และ 16 ซม. ขึ้นไป ในเวลา 10-12 เดือน
ประโยชน์ปลาสลิด
คุณค่าทางโภชนาการ (ปลาสลิดสด 100 กรัม)
– น้ำ 80.9 กรัม
– พลังงาน 76 กิโลแคลอรี่
– โปรตีน 17.2 กรัม
– ไขมัน 0.8 กรัม
– แคลเซียม 70 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส 177 มิลลิกรัม
– เหล็ก 2.3 มิลลิกรัม
– ไรโบฟลาวิน 0.2 มิลลิกรัม
– ไนอะซีน 2 มิลลิกรัม
ที่มา : กองโภชนาการ, 2535(1)
การเลี้ยงปลาสลิด การเพาะพันธุ์ และการอนุบาล
การเพาะพันธุ์ปลาสลิด
การผสมพันธุ์ปลาสลิดจะใช้พ่อแม่พันธุ์ที่มีเมื่ออายุมากกว่า 7 เดือน ขึ้นไป-10 เดือน และมีขนาดตั้งแต่ 10 ซม. ขึ้นไป ซึ่งตามธรรมชาติปลาสลิดจะเริ่มทำการผสมพันธุ์ตั้งแต่เดือนเมษายน-สิงหาคม และอาจใช้ฮอร์โมนกระตุ้นให้ออกไข่ในทุกฤดู
การเพาะพันธุ์ปลาสลิด สามารถเพาะได้โดยใช้บ่อซีเมนต์สำเร็จรูปหรือก่ออิฐสี่เหลี่ยมสูงประมาณ 50 ซม. สร้างหรือวางใต้โรงเรือนหรือทำเพิงคลุมด้านบนบ่อเพื่อบังแดดและหาผักบุ้งหรือพืชน้ำใส่ในบ่อ
อัตราการปล่อยพ่อแม่ปลาที่ตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 1 ตัว ต่อพื้นที่ 1-2 ตารางเมตร หลังจากปล่อยพ่อแม่พันธุ์ปลาประมาณ 5-6 วัน จะสังเกตเห็นปลาก่อหวอด และวางไข่ จากนั้น ประมาณ 1-2 วัน ให้ช้อนพ่อแม่ปลาออก
การอนุบาล
การเลี้ยงอนุบาลลูกปลาจะใช้การให้ไข่ผงหรือไรน้ำในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังจากฟักออกจากไข่ประมาณ 5-7 วัน เพราะช่วงแรกลูกปลาจะยังไม่กินอาหาร ต่อมาจึงให้รำผงละเอียดต่อ นอกจากนั้น อาจหว่านโรยด้วยปุ๋ยคอก และยูเรียร่วมด้วย รวมถึงเสริมด้วยพืชน้ำต่างๆ ไรแดง ปลวก และซากพืชผักเน่า และดูแลจนกว่าลูกปลามีขนาดยาว 2 เซนติเมตร จึงค่อยนำปล่อยลงในบ่อเลี้ยงต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงอนุบาลลูกปลา ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำสม่ำเสมออย่างน้อย 1 ครั้ง/อาทิตย์
นอกจากนั้น บางพื้นที่ยังนิยมเพาะพันธุ์ปลาสลิดโดยใช้บ่อดินขนาดเล็กก่อน ซึ่งจะช่วยขยายพันธุ์ได้ครั้งละมากๆ
การเลี้ยงในบ่อดิน
การเตรียมบ่อดิน
บ่อดินที่เกษตรกรใช้เลี้ยงปลาสลิดเพื่ออาชีพ ควรมีขนาดตั้งแต่ 1 ไร่ ขึ้นไป บ่อดินใหม่ควรขุดให้ลึกประมาณ 60-75 ซม. ไม่ควรให้ลึกมากกว่านี้ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพราะหากลึกมากจะทำให้น้ำเปรี้ยวมาก หลังจากนั้นให้ใส่ปูนขาว รใส่ปูนขาวอัตรา 100-200 กิโลกรัม/ไร่
ส่วนบ่อเก่าให้เตรียมบ่อหลังการจับปลาสลิดแล้ว โดยทำการขุดลอกหน้าดิน 2 ปี/ครั้ง และดูดน้ำออกให้หมด พร้อมโรยด้วยปูนขาวทุกครั้ง อัตรา 100-200 กิโลกรัม/ไร่ และตากก้นบ่อนาน 10-20 วัน
หลังการเตรียมบ่อในขั้นแรกเสร็จแล้ว ให้หว่านโรยด้วยปุ๋ยคอกหรือมูลไ่ก่ อัตรา 100 กิโลกรัม/ไร่ รำละเอียด 15-20 กิโลกรัม/ไร่ หลังจากนั้นน้ำเข้าบ่อสูง 10-20 เซนติเมตร ทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน ก็จะเกิดแพลงก์ตอนพืชสำหรับเป็นอาหารปลาสลิด แล้วค่อยปล่อยน้ำเข้าบ่อให้มีความสูงตามระดับที่เหมาะสม
การปล่อย และการดูแล
เมื่อลูกปลาสลิดมีความยาวตั้งแต่ 2-3 ซม. ให้จับมาปล่อยในบ่อดิน อัตราการปล่อยที่ 1 ตารางเมตร/ปลาสลิด 5-10 ตัว หรือประมาณ 8,000-16,000 ตัว/ไร่
หลังการปล่อยให้นำผักบุ้ง ผักกะเฉด หรือพืชน้ำอื่นๆ มาปล่อยในบ่อ แต่ไม่แนะนำผักตบชะวา และจอก หรือพืชน้ำอื่นที่เป็นพืชรุกราน
อาหารของปลาสลิดที่เลี้ยงในบ่อดินจะได้จากธรรมชาติที่เป็นแพลงก์ตอน สาหร่าย และพืชน้ำเป็นหลัก แต่ควรให้อาหารเสริมเป็นระยะ เช่น การใช้รำ และปลายข้าว อย่างละ 1 ส่วน ผสมกับผักบุ้งหั่นหรือผักอื่นๆ 2 ส่วน หว่านให้ 2 ครั้ง/สัปดาห์
โรค และศัตรู
ปลาสลิด เป็นปลาที่ไม่ค่อยพบเป็นโรคมากนัก แต่อาจพบการตายจากสาเหตุออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอเป็นสำคัญ ที่สังเกตได้จากการที่ปลาขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำ มักพบในแหล่งน้ำธรรมชาติที่เน่าเสีย หรือหากเป็นบ่อเลี้ยงก็จะเกิดการการเน่าเสียของอาหารในน้ำหรือการเลี้ยงในปริมาณมากเิกินไป ทั้งนี้ สามารถแก้ไขได้โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำใหม่ และปล่อยพันธุ์ปลาในอัตราที่เหมาะสม นอกจากนั้น อาจพบเห็บปลาที่มีลักษณะตัวแบน สีน้ำตาลใสเกาะติดตามลำตัว ทำให้ปลาผอม และเจริญเติบโตช้า ซึ่งแก้ไขได้โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำปล่อยๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมปศุสัตว์